The Adam Project หากคุณย้อนเวลากลับไปได้อยากจะบอกอะไร
The Adam Project หากจะเอ่ยถึงหนังย้อนเวลากลับไปในอดีตหลายๆ คนคงจะนึกถึงเรื่อง “Back to the Future” ทั้ง 3 ภาค เพราะนั่นคือหนังย้อนเวลาที่ได้การยอมรับและกระแสตอบรับดีที่สุด นับตั้งแต่ช่วงยุค 90 เป็นต้นมา หลังจากนั้นแม้มีหนังอีกมากมายทำในทำนองเดียวแต่ก็มีหลายๆ เรื่องที่แป๊ก, และมีบางเรื่องประสบความสำเร็จ และในปี 2022 มีหนังฟอร์มใหญ่จากทาง Netflix รีวิวหนังแบบไม่เหมือนใคร เรื่องที่เกี่ยวกับการย้อนอดีตและได้รับคำชมอย่างล้มหลามกับเรื่อง The AdamProjectที่ไม่ควรพลาด

ติดตามรับชม The Adam Project หลายรสชาติรวมกันได้อย่างลงตัวได้ที่ Netflix
เหตุผลที่The Adam Projectได้รับกระแสตอบรับอย่างดีใน Netflix อันดับแรกต้องชมพล็อตเรื่องที่มีทั้งฮา, แอ็คชั่น, ไซไฟ และ ดราม่า โดยทั้งหมดเดินทางไปสุดในสิ่งที่ควรจะเป็นเลยทำให้ทั้งหมดผสมกันได้อย่างลงตัว เรื่องราวของThe Adam Projectกล่าวถึง อดัม ในปี 2050 เขาตัดสินใจขโมยยานท่องเวลาเพื่อกลับมาในปี 2018 โดยเหตุผลคือการกลับมาช่วยแฟนสาวของเขา แต่แล้วได้มีบางสิ่งผิดพลาดทำให้ อดัม หลุดมาในปี 2022 แทน และได้พบกับตัวเขาตอนอายุได้ 12 ปี ทำให้ทั้งสองคนต้องร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือแฟนสาวของพวกเขาให้ปลอดภัยให้ได้ Rope ภาพยนตร์ต้นฉบับ ลองเทก บันลือโลกในตำนาน ที่ย้อนเวลากลับไปอยู่ในช่วงสงครามโลก

นักแสดงตีบทแตกทุกคน
อีกส่วนหนึ่งของThe Adam Projectนอกจากเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ต้องยกความดีให้กับทีมนักแสดงไม่ว่าจะเป็น ไรอัน เรย์โนลด์, วอล์คเกอร์ สโคเบลล์, เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์, แคเธอรีน คีเนอร์ และ มาร์ค รัฟฟาโล่ ที่เข้าถึงบทบาทได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะ เรย์โนลด์ ที่รับบทเป็นอดัมตอนหนุ่ม กับ สโคเบลล์ ที่รับบทเป็นอดัมตอนเด็ก ทั้งคู่ผสานเข้าหากันได้อย่างลงตัวทั้งการเล่นมุข, ทั้งมุมดราม่า เรียกว่าทำออกมาได้ดีมากๆ และ การ์เนอร์ ที่รับบทเป็นแม่ของทั้งสองคนก็ตีบทแตกทำเอาคนดูถึงกับน้ำตาไหลในบทบาทของแม่

โดยรวมแล้วThe Adam Projectถือว่าเป็นงานระดับมาสเตอร์พีชในปี 2022 อีกเรื่องที่น่าติดตาม ครบรสทั้งดราม่าเรียกน้ำตา, ไซไฟแบบโลกอนาคต, ฮาแบบท้องแข็ง และอีกหลายอย่างที่มารวมกันในเรื่องนี้ หากใครสนใจสามารถหาดูได้แล้วใน Netflix รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน