Exam (2009) เกมฆาตกรโหด : รีวิวตรงชัด จัดเต็ม ! No spoil++


วันนี้เราจะรีวิวกันแบบเปิดอก ชิวๆ เหมือนนั่งคุยกันนะครับ ผมพยายามจะเปลี่ยนแนวการเขียนมารีวิวหนังแบบไม่สปอยล์ แต่อ่านสนุก ไม่เครียด : )

มาถึงคิวของ Exam (2009) กันบ้างครับ หนังเก่าย้อนหลังไป 10 ปีแล้ว แต่หลายๆเพจก็ยังคงนำมาพูดถึงกันอยู่บ่อยๆ พูดก็พูดผมก็เป็นหนึ่งใน(เหยื่อ555)ผู้ที่หลงกลไปดูนั่งเรื่องนี้จนจบ บอกเลยว่าปวดหัวจี๊ด เดี๋ยวจะมาพูดแต่ละจุดให้ฟังกันครับ เอาแบบไม่สปอยล์มาก ถ้าอยากรู้สนุกตรงไหนก็ไปดูกันเอาเอง

 

 

หนังเรื่องนี้ใช้ฉากคุ้มเลยครับ ทั้งเรื่องวิ่งวนถ่ายกันอยู่แค่ในห้องแคบๆ 1 ห้อง ที่ชื่อเรื่อง Exam ก็เพราะ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการคัดเลือกคน 1 คนจากจำนวน 8 คนที่ผ่านเข้ารอบ เพื่อเข้าทำงานในบริษัทโดยมีเวลา 80 นาทีในการทำข้อสอบจากกระดาษ 1 แผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่มีข้อแม้ว่า 1.ห้ามทำลายกระดาษคำตอบ 2. ห้ามคุยกับยามที่ยืนเฝ้าห้องสอบ และ 3.ห้ามพยายามสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ทางกล้องวงจรปิด กรรมการคุมสอบจะจับตาดูผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจากกล้อง จะไม่ได้มายืนคุม แต่ก่อนจับเวลาก็จะมายืนแจ้งกติกาก่อนแค่นั้น ถ้าใครละเมิดก็จะถูกเชิญตัวออกจากห้อง หมดสิทธิ์ในการแข่งขันนี้ เริ่มมาก็ดูเหมือนจะชิวๆ แต่จุดพีคมันอยู่ตรงที่กระดาษคำตอบของทุกคน ไม่มีคำถาม…

 

 

หลังจากกรรมการแจ้งเงื่อนไขแล้วก็เดินออกไป และเวลาเริ่มจับ ทั้ง 8 คนเริ่มกระวนกระวาย แต่ก็ยังไม่กล้าพูดอะไรกับใครเพราะมันจำลองเป็นสถานการณ์ห้องสอบจริงๆครับ หนึ่งคนในนั้นเริ่มหยิบดินสอเขียนหยุกหยิกบนกระดาษถึงเหตุผลที่ตัวเองสมควรผ่านการคัดเลือกงานนี้ หลังจากดินสอจรดกระดาษ กล้องได้จับมาที่เธอ และยามก็มาเชิญตัวเธอออกไป ทำให้อีก 7 คนนั่งอึ้งไปเลยว่า คำตอบไม่ใช่การเขียนลงกระดาษ เพราะจะเป็น 1 ในการวิธีการทำลายข้อสอบ

 

 

หนึ่งในนั้นเป็นผู้ชายผิวขาวที่จะเป็นตัวหลักของเรื่องในเวลาต่อมาเริ่มต้นบทสนทนากับคนอื่นๆก่อนว่า ทุกคนที่เหลือควรจะมาระดมสมองช่วยกันคิดว่า “คำถามคืออะไรกันแน่??” หลังจากนั้นทั้ง 7 คนก็หาวิธีหลากหลายที่ผมค่อนข้างบันเทิงดีครับว่า เออ คนเขียนบทก็คิดได้เนอะ

 

 

หลังจากผ่านช่วงกลางๆเรื่องมาแล้วก็จะเข้าสู่ช่วงกดดันครับ เพราะเวลาก็เหลือน้อยลง ผู้เข้าแข่งขันก็เหลือน้อยลงเพราะบางคนทำผิดกฏ เหลืออยู่ไม่กี่คนที่เริ่มอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน ทะเลาะกันเอง ทุกคนเผยด้านมืดของตัวเองออกมาว่าแท้จริงแล้วมนุษย์ทุกคนมีความเห็นแก่ตัว และไม่เชื่อใจผู้อื่นนอกจากสัญชาตญาณของตัวเอง หนังผูกปมบางอย่างที่ทำให้คนดูรู้ว่าต้องมีเหตุผลที่สำคัญมากที่ทำให้ทุกคนยอมเอาชีวิตและจิตวิญญาณเข้าแลกกันขนาดนี้เพื่อให้ได้งานนี้!!!

 

 

จริงๆ ผมขอติเรื่องชื่อเรื่องภาษาไทยและเสียงพากย์หน่อยว่า ชื่อเรื่องไม่ค่อยเก๊ทเลยว่าทำไมต้องชื่อนี้ หนังก็เนิบๆไม่ได้โหดอะไรเลย imdb ให้ 6 กว่าๆ ยังเยอะไปสำหรับผม 555555 จริงๆ ผมอยากให้ซัก 5.5 เพราะหนังแนว escape หรือ survivor ผมก็ดูมาเยอะเหมือนกันนะ แต่เรื่องนี้ยังไม่ทำผมอินเท่าไหร่ คงเพราะเวอร์ชั่นเสียงภาษาไทยด้วยมั้งครับที่ทำผมรู้สึกฟังไม่รู้เรื่อง พูดเร็วมาก ลิ้นพันไปหมดแล้ว 555 แต่ก็ไม่ได้แย่มากมาย ตอนจบก็สามารถอธิบายเหตุผลต่างๆได้พอประมาณ อาศัยคิดต่อเองบ้างนิดหน่อย จุดน่าสนใจอยู่ที่ตัวละครแต่ละตัว พฤติกรรมของตัวละครเสียดสีบทบาทและชนชั้นในสังคม และสะท้อนด้านมืดในจิตใจ ถ้าดูกันตรงที่จุดนี้ก็น่าสนใจครับ เป็นหนังที่เอาไว้เรียนจิตวิทยาได้ แต่ถ้าเครียดๆอยู่แล้วมาดูก็ไม่แนะนำนะ การดำเนินเรื่องเรื่อยๆ เนิบๆไม่ได้มี spots ที่น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง โดยรวมก็อย่างที่บอกไปครับ ดูเพื่อศึกษาตัวละคร และเรียนจิตวิทยาได้ 5.5/10 ครับงานนี้ ต่ำกว่า imdb แต่จริงใจที่สุดแล้ว…